วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

แฮกเกอร์คอมพิวเตอร์

แฮกเกอร์คอมพิวเตอร์










           คุก 21ปีเศษแฮกเกอร์แสบล้วงข้อมูลลับบัตรเอทีเอ็มลูกค้าแบงก์ใบโพธิ์ โอนเงินกว่า 3 แสนไปจ่ายหนี้ รับสารภาพเหลือติด10 ปี เศษพร้อมคืน3.6แสนให้ผู้เสียหาย

เนื้อหาข่าว

           นายภาณุพัฒน์ เพ็ญพัฒน์ ฤกษ์เสริมสุข อายุ 30 ปี ชาว จ.นครนายก เป็นจำเลยในความผิดฐานเข้าระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกัน ทำลายแก้ไข เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ทำให้เกิดความเสียหาย ,ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ,ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยจำเลยบังอาจใช้ข้อมูลหมายเลข 16 หลัก ที่ปรากฏบนหน้าบัตร เอทีเอ็ม พร้อมรหัสลับที่ใช้ถอนเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ผู้เสียหายที่ออกให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นผู้เสียหายอีก 4 ราย แล้วจำเลยนำไปสมัครขอใช้บริการ SCB EASY NET โดยกำหนดชื่อประจำตัว และรหัสผ่านด้วยตนเองตามขั้นตอนและวิธีการที่ ธนาคารฯ กำหนด เป็นเหตุให้ธนาคารฯหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้เสียหาย4 ราย จึงออกชื่อประจำตัวผู้ใช้ให้ จากนั้นจำเลยได้นำชื่อประจำตัวของผู้เสียหาย และรหัสผ่านไปโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหายเพื่อใช้ชำระค่าสินค้า หรือบริการทางอินเตอร์เน็ตหลายครั้งซึ่งเป็นร้านค้าต่างประเทศรวม 4 ครั้ง เป็นเงิน 368,800 บาท ต่อมาตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)ติดตามจับกุมได้ พร้อมให้การรับสารภาพ เหตุเกิดที่แขวงเขต- จตุจักร กรุงเทพฯ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน


กระทำผิดมาตรตรา

           กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/5 ประกอบมาตรา269/7 ,334,335 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 5,7,9


บทลงโทษในการกระทำผิด

          ศาลตัดสินบทลงโทษฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ 5 กระทง จำคุกกระทงละ 9 เดือน เป็นจำคุก 3 ปี 9 เดือน ฐานเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกัน ทำลายแก้ไข เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ทำให้เกิดความเสียหายฯ 4 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 8 ปี และฐานลักทรัพย์ฯ จำคุกกระทงละ 2 ปี 5 กระทง เป็นจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 21 ปี 9 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 10 ปี 10 เดือน 15 วัน และให้จำเลยชดใช้เงินคืน 368,800 บาทแก่ผู้เสียหายด้วย.


ารป้องกันการกระทำผิด

          การมีความรู้ในด้านระบบคอมพิวเตอร์ ถือเป็นสิ่งที่ดีหากนำสิ่งที่มีอยู่ไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร แต่หากนำความรู้ของตนไปใช้ในทางที่ผิด ก็อาจส่งผลร้ายต่อผู้อื่น รวมทั้งตนเองด้วย ดังนั้น แนวทางในการป้องกันการกระทำผิดคือ ไม่ควรให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของตนเอง และควรเก็บข้อมูลให้ดี มีการตรวจสอบข้อมูลในบัญชีอยู่สม่ำเสมอเพื่อป้องกันอันตรายในการเจาะข้อมูลของตนเอง และสิ่งที่ดีที่สุดในการทำธุระกรรมกับธนาคาร คือควร ไปติดต่อที่ธนาคารโดยตรง ไม่ควรติดต่อข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเพราะอาจทำให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้ง่าย
จากข่าวนี้แสดงให้เห็นว่า
         นายภาณุพันฒน์ ได้กระทำความผิดโดยการเข้าข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการป้องกันและแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลบัตรเอทีเอ็มของผู้อื่น เพื่อที่จะไปเบิกเงินเจ้าของบัญชี เขาได้ใช้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ที่ตนมีอยู่ไปใช้ในทางที่ผิด ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายและผิดหลักจริยธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง เป็นการลักทรัพย์และเบียดเบียนผู้อื่นทำให้ผู้อื่นและตนเองเดือดร้อน และเมื่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับได้ก็ต้องถูกลงโทษหลายกระทงและยังต้องชดใช้เงินคืนให้กับผู้เสียหายอีกด้วย ถือว่าเป็นผลกรรมที่ตนเองได้ทำไว้กับผู้อื่น เหมือนกับหลักคำสอนที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัจธรรม
แนวทางการแก้ไขและป้องกัน คือ คนเราเมื่อมีความรู้ในระบบด้านคอมพิวเตอร์แล้วถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เราควรที่จะนำความรู้นี้ไปใช้ในทางที่ถูกต้องเหมาะสม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นจะดีกว่า หากนำไปใช้ในทางที่ผิดก็จะส่งผลร้ายกับตนเองและผู้อื่น ทำให้ได้รับความเดือดร้อน
ดังนั้น แนวทางการป้องกัน คือ เราควรเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นรหัสบัตรที่สำคัญต่างๆ บัญชีเงินฝากเราก็ควรจะเช็ครายละเอียดกับธนาคารอยู่สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเจาะข้อมูลนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องและควรทำธุรกรรมกับธนาคารเท่านั้น

แหล่งที่มา